เกี๊ยวซ่าทอดสไตล์จีน

เกี๊ยวซ่า เป็นของทอดที่ผมสนใจ เพราะมันมีแป้งเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่คือไส้ที่ใช้เนื้อสัตว์กับผักผสมกันเป็นหลัก ทำให้มันมีสัดส่วนของสารอาหารที่ผมอยากได้ พูดง่ายๆ ก็คือ โลว์คาร์บ หรือแม้แต่จะทำให้เป็นมังสวิรัติก็ได้ โดยใช้ผักเป็นไส้อย่างเดียว และการที่มันเป็นอาหารที่ทอดด้วย ช่วยทำให้เป็นเมนูที่ไม่น่าเบื่อ

เสน่ห์ของเกี๊ยวซ่าทอดสไตล์จีน (หรือไต้หวันก็ไม่แน่ใจ) คือแผ่นแป้งบางๆ ที่เชื่อมเกี๊ยวทุกชิ้นเข้าด้วยกัน ช่วยเพิ่มผิวสัมผัสของความกรอบ น่ารับประทาน บวกกับนำ้จิ้มที่มีพริกจัดจ้านอยู่ด้วย ทำให้เป็นอาหารที่อร่อย

ผมซื้อแผ่นแป้งเกี๊ยวซ่าสำเร็จมา ซึ่งแตกต่างจากแป้งเกี๊ยวแบบ wonton เพราะจะต้องเป็นรูปวงกลมแทนที่จะเป็นสี่เหลี่ยม อาจจะหาซื้อยากนิดหนึ่ง แต่มีขายครับ

ไส้ที่ผมเลือกใช้คือเนื้อหมูบดกับกระหล่ำปลีบด ในสัดส่วน 1:1 คลุกให้เข้ากัน ปรุงรสด้วย ซีอิ้ว น้ำมันงา แป้งข้าวโพด เหล้าจีน ขิงบดเล็กน้อย อาจใส่ผักอย่างอื่นเช่น ต้นหอม กุ๋ยช่ายลงไปด้วยก็ได้ เรียกได้ว่า ถ้ามีผักอะไรเหลืออยู่ในตู้เย็น เมนูนี้จะช่วยกำจัดมันได้อย่างดี

เวลาห่อเกี๊ยว จะใช้น้ำเปล่าลูปที่ขอบทั้งหมดของแผ่นแป้ง เพื่อให้เกิดความเหนียวเป็นเหมือนกาว ใช้ช้อนตักไส้ลงไปตรงกลางประมาณหนึ่งช้อน แล้วใช้นิ้วจีบแป้งเข้าหากันเพื่อผนึกไส้ ตอนทำใหม่ๆ ก็อาจจะเละบ้าง แต่ได้ทำซ้ำๆ สักพัก ก็จะดูสวยขึ้นได้ไม่ยากครับ ห่อเสร็จแล้วจะเก็บไว้กินในช่องแข็งก็ได้ ส่วนใหญ่ผมจะทำทีละมากๆ เพราะจะได้ทำทีเดียว แช่แข็งไว้กินระยะยาว

เพื่อให้ไส้เกี๊ยวสุกแน่นอน ผมจะใช้วิธีนึ่งให้สุกเลยก่อนจะนำไปทอด สาเหตุที่นึ่งแทนที่จะใช้ไมโครเวฟ เป็นเพราะไมโครเวฟจะทำให้เกี๊ยวพองเพราะอากาศที่อยู่ภายในร้อนแต่ออกมาไม่ได้ เมื่อนำไปทอดเราจะทอดแค่เพียงเล็กน้อยให้ดูน่ากินก็พอ ถ้าต้องทอดนานเพื่อในแน่ใจว่าไส้สุก เกี๊ยวอาจจะไหม้ก่อน ดูไม่น่ารับประทาน

ก่อนจะลงมือทอดให้เตรียมน้ำแป้ง โดยเอาแป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนชา ผสมกับน้ำเปล่า 10 ช้อนชา คนให้เข้ากัน แค่นั้นเลย อันนี้ใช้สำหรับเกี๊ยวประมาณ 6-7 ตัว ถ้ามากกว่านั้นก็เพิ่มไปตามสัดส่วนครับ

ในการทอดต้องเลือกใช้กระทะแบบ non-stick ทอดด้วยไฟกลางถึงสูง โดยอาจกลับไปมา เพื่อให้ผิวทุกด้านของเกี๊ยวดูน่ารับประทาน แล้วจบด้วยการเรียงเกี๊ยวทุกอันแบบคว่ำหน้า ก่อนที่จะใส่น้ำแป้งลงไปในกระทะโดยแนะนำให้ตักทีละช้อน ราดลงทางด้านข้างกระทะ เพื่อให้น้ำแป้งไหลลงไปยังก้นกระทะ ทำไปเรื่อยๆ จนพื้นน้ำแป้งกินพื้นที่ขึ้นมาครอบคลุมเกี๊ยวทั้งหมด รอต่อไปเพื่อให้น้ำแป้งดูกรอบขึ้นจนทั้งถึง ก็ปิดไฟ ยกลงเสิร์ฟเลย

กินคู่กับน้ำจิ้มที่ใช้ส่วนผสมของ พริกน้ำมัน : น้ำส้มสายชู : ซีอิ้ว ในสัดส่วน 1:2:1

 

ส่วนผสมน้ำจิ้ม (สำหรับ 1 จาน)

  • พริกน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซี้อิ้วญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำส้มสายชูข้าว 2 ช้อนโต๊ะ

 

 

สูตรหมักเนื้อสัตว์

เรื่องหนึ่งที่ต้องรู้สำหรับคนทำอาหารกินเองคือเราจะหมักเนื้อสัตว์อย่างไรดี

ทฤษฎีบอกว่า สิ่งที่ใช้หมักเนื้อสัตว์มี 3 อย่าง หนึ่งคือไขมัน สองคือกรด และสามคือเครื่องเทศ เพราะเมื่อเนื้อสัตว์เจอไขมันและอยู่ในสภาพที่เป็นกรด จะทำให้เนื้อนุ่มขึ้น ส่วนเครื่องเทศนั้นช่วยเพิ่มความหอม ดังนั้น สูตรหมักเนื้อสัตว์จะเป็นอะไรก็ได้ ขอให้ครบทั้งสามองค์ประกอบนี้

สำหรับไขมัน ผมมักจะใช้น้ำมันมะกอกแบบ extra virgin เพราะดีต่อสุขภาพ ส่วนกรดนั้น ถ้าใช้พวกน้ำมะนาวหรือนำ้ส้มสายชูจะทำให้เนื้อสัตว์มีรสเปรี้ยว ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ โดยมากผมจะใช้เหล้าจีน หรือไม่ก็สาเกแทน เพราะจะทำให้สภาพเป็นกรดได้เหมือนกัน

ส่วนเครื่องเทศนั้นก็แล้วแต่ว่าเราจะปรุงอาหารสไตล์ไหน ถ้าเป็นอาหารไทยก็ใช้สามเกลอ (กระเทียม พริกไทย รากผักชี) ถ้าเป็นอาหารฝรั่งก็ใช้ใบไทม์ หรือโรสแมรี่ ส่วนถ้าเป็นอาหารจีนญี่ปุ่น ก็ใช้ซีอิ้ว อาจเติมเกลือนิดหน่อยเพื่อช่วยดึงรสชาติ

โดยมากแล้ว การหมักเนื้อสัตว์จะไม่นิยมให้เค็มมาก เพราะเวลาเอาไปปรุงอาหาร เราก็ต้องไปเติมเค็มอีก เดี๋ยวจะเค็มไปใหญ่

ส่วนระยะเวลาหมักนั้น ถ้าเป็นเนื้อไก่ก็สัก 2 ชม ถ้าเป็นหมูหรือวัวก็อาจจะข้ามคืนได้เลย แต่ถ้าไม่มีเวลา อย่างน้อยได้หมักสัก 15 นาทีก็ยังดีกว่าไม่ได้หมักเลย

ถ้าเป็นสเต็กเนื้อวัว ผมไม่นิยมหมักก่อน เพราะอยากได้รสชาติของเนื้อวัวแท้ๆ มากกว่ารสชาติของเครื่องปรุง ส่วนใหญ่จะหมักตอนเอาออกมาละลายน้ำแข็งเท่านั้น ด้วยเกลือ พริกไทย และโรสแมรี่

ข้าวผัดสไตล์มินิมัล – Minimalism

ข้าวผัดเป็นอาหารที่มีอยู่ในแทบจะทุกชาติ แต่มีหน้าตาที่แตกต่างกันไปตามแต่วัตถุดิบของท้องถิ่นนั้นๆ หนึ่งในสไตล์ที่ผมสนใจที่สุดแบบหนึ่งคือข้าวผัดสไตล์จีน เพราะชอบในความเรียบง่ายของมัน มีส่วนผสมน้อยมาก แต่อาศัยวิธีการผัด ที่ทำให้มันมีความพิเศษขึ้นมา เป็นเมนูเร่งด่วนที่อิ่มท้องและไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบล่วงหน้า

ข้าวที่ใช้ทำข้าวผัดควรเป็นข้าวเก่า ไม่ใช่หมายถึงข้าวสารที่เก่าแล้ว แต่หมายถึงข้าวที่หุงไว้นานแล้ว เช่น เมื่อวานเย็น แช่ตู้เย็นทิ้งไว้ให้แข็งขึ้นอีก เพราะข้าวที่แห้งแข็งจะผัดข้าวผัดได้อร่อยกว่าข้าวที่ชื้นและนุ่ม ยิ่งโดนกระทะที่ร้อนมากๆ จนข้าวกระเด็น ไข่กระโดด ยิ่งน่ากิน

เวลาทำข้าวผัด เรานิยมเอาส่วนผสมหลักแต่ละอย่างมาผัดต่างหากก่อน แล้วค่อยนำมาผัดรวมกับข้าวทีหลัง เพราะจะทำให้ส่วนผสมเหล่านั้นสุกแน่นอน สม่ำเสมอ และทำให้อร่อยกว่าด้วย ดังนั้นในเมนูนี้ ผมผัดไข่ต่างหากก่อน โดยตีไข่แบบไม่ต้องฟู เอาแค่ไข่ขาวกับไข่แดงพอจะรวมกันบ้างก็พอแล้ว ตั้งไฟใส่นำ้มันพืชแค่ให้เคลือบกระทะทั้งหมดก็พอ ใส่ไข่ที่กวนแล้วลงไป แล้วใช้ตะหลิวเขี่ยให้ไข่สุกให้ทั่วๆ ตักขึ้นพักไว้ก่อน

ตอนนี้ถ้าใครจะใส่เนื้อสัตว์อย่างอื่นด้วย ก็ให้นำเนื้อสัตว์ที่หั่นแล้วเหล่านั้นมาทอดในน้ำมันต่อ เช่น กุนเชียง หรือหมูสับก็ได้ แต่สำหรับเมนูนี้จะไม่ใส่เนื้อสัตว์ใดๆ เพราะเรามีโปรตีนจากไข่อยู่แล้ว  ปกติแล้วข้าวผัดสไตล์จีนจะใส่ถั่วลันเตา แต่ผมเปลี่ยนมาใช้ต้นหอยซอยแทน

ในการปรุงรสข้าวผัด จะใช้เกลือเป็นหลัก ใส่ซอสอย่างอื่นก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะถ้าใส่ซอสมากเกินไป ข้าวผัดจะมีสีเข้ม ดูไม่น่ารับประทานเท่าไหร่ (สำหรับข้าวผัดสไตล์นี้)

ตั้งกระทะใหม่ ใช้ไฟกลาง น้ำมันพืชประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่กระเทียมสับลงไปผัดจนเหลืองทอง ใส่ข้าวลงไป ผัดให้ทั่ว อาจต้องใช้ตะหลิวในการบี้ข้าวที่ติดเป็นก้อนให้ออกจากกันให้หมด ตอนนี้ถ้าใครใช้กระทะหลุม อาจใช้ไฟแรง แล้วอาศัยการควงกระทะเร็วๆ เพื่อระวังไม่ให้ข้าวไหม้ แต่สำหรับผม เป็นแค่เตาไฟฟ้าในคอนโด เลยทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องใช้ไฟกลางแทน ใส่เครื่องปรุงที่ตามไว้ทั้งหมดลงไป ผัดจนข้าวทั้งหมดมีสีเสมอกัน ใส่ต้นหอมซอยเป็นอย่างสุดท้ายก่อนยกขึ้นเสิร์ฟ

ส่วนผสมสำหรับ 1 ที่

  • ข้าวสุก 1 จาน
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • ต้นหอยซอย 1 ช้อนชา
  • กระเทียมสับ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำมันหอย 1 ช้อนกินข้าว
  • เกลือ 1/3 ช้อนชา
  • น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
  • น้ำมันพืชสำหรับผัดไข่และข้าว
  • น้ำตาลและพริกไทยเล็กน้อย