แซลมอนย่างเกลือ

แซลมอน เป็นอาหารสุขภาพที่อร่อย เพราะมีโอเมก้า 3 เป็นโปรตีนที่ปลอดภัย จึงเป็นหนึ่งในเมนูที่ผมพยายามกินเป็นประจำ และรูปแบบที่ผมชอบมากที่สุดก็น่าจะเป็นการเอาแซลมอนไปย่างเกลือ สไตล์อาหารญี่ปุ่น เพราะทั้งทำง่ายมาก และอร่อยมากด้วย อาศัยรสชาติที่อร่อยอยู่แล้วของแซลมอล เติมเกลือนิดหน่อย ไม่ใช่ให้เค็ม แต่เพื่อให้เกลือช่วยดึงรสชาติของปลาออกมา เป็นหลักของการทำอาหารที่เรียบง่าย แต่ใช้ความสดใหม่ของวัตถุดิบ ทำให้มันอร่อย มากกว่าที่จะเน้นการปรุงรส ซึ่งจะกลบรสชาติที่แท้จริงของอาหารชนิดนั้นๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

แซลมอนที่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตจะมีวิธีชำแระหลากหลายรูปแบบ แต่สำหรับอาหารญี่ปุ่นแล้ว ผมชอบแบบที่ชำแระตามที่เห็นในรูปข้างบนมากที่สุด มันดูญี่ปุ่นดี แต่อาจจะหาซื้อยากสักหน่อย เพราะส่วนใหญ่ร้านนิยมหั่นแบบเอาไปทำสเต็กแบบอาหารฝรั่งซะมากกว่า บางทีผมก็เลยต้องซื้อแบบแช่แข็งเก็บไว้ด้วย ถ้าหากอยากกินขึ้นมากะทันหันจะได้ไม่ต้องไปวนหาซื้อ เพราะอาจจะหาไม่ได้

ชะโลมชิ้นปลาด้วยน้ำมันมะกอกให้ทั่ว แล้วโรยเกลือบางๆ ตามลงไป จากนั้นก็นำเข้าเตาอบ ที่อุณหภูมิประมาณ 200 องศา นาน 15 นาที กลับข้างสักหนึ่งรอบระหว่างกลาง นำมารับประทานคู่กับผัก เช่น ผักสลัด หรือ กิมจิ เป็นต้น ผมชอบการอบด้วยเตาอบที่อุณหภูมิค่อนข้างสูงมากกว่าที่จะเอาไปย่างบนกระทะย่าง เพราะว่ามันจะสุกทั่วกันมากกว่า ข้อสำคัญคืออุณหภูมิในการอบที่จะต้องสูงสักนิดหนึ่ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คล้ายการย่างมากที่สุด ไม่ต้องกลัวเรื่องไฟแรงแล้วด้านในจะไม่สุกเท่าไหร่ เพราะว่าปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ค่อนข้างสุกง่ายอยู่แล้ว

แซลมอลย่างเกลือเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับมื้อเย็นที่ไม่ต้องการกินเยอะ แต่มีโปรตีนช่วยให้อยู่ท้องมากกว่าการกินแต่ผักสลัดอย่างเดียว ถ้าสามารถกินได้สักหนึ่งมื้อต่อสัปดาห์ ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับโอเมก้า 3 ที่เพียงพอด้วย ผมไม่เห็นข้อเสียใดๆ ของเมนูที่แสนอร่อยนี้เลย

 

Baked Potatoes – อบมันฝรั่งให้ดูน่ากินเหมือนมันฝรั่งทอด

เฟรนฟรายด์ช่างเป็นอาหารที่แสนอร่อย แต่ข้อเสียก็คือมันเป็นของทอดอย่างหนึ่ง ที่ค่อนข้างจะทำลายสุขภาพ ถ้าหากกินบ่อยเกินไป

ดังนั้นในตอนนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการอบมันฝรั่งให้ได้รสชาติที่อร่อยไม่แพ้มันฝรั่งทอดเลย

ล้างมันฝรั่งให้สะอาด แล้วนำลงไปต้มในน้ำเดือด ที่ใส่น้ำส้มสายชูลงไปสัก 3-4 ช้อนโต๊ะ นาน 20 นาที ความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยทำให้แป้งที่อยู่ในตัวมันฝรั่งเองฟอร์มตัวที่ผิวนอก เมื่อเวลานำไปอบจะได้ผลลัพธ์ที่กรอบนอกนุ่มใน ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญ อย่าข้ามไปล่ะ

มันฝรั่งที่ต้มใหม่ๆ จะปลอกเปลือกง่าย ให้นำมาชุบน้ำที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้เย็นลงบ้าง ก่อนที่จะทำการปลอกเปลือก จากนั้นหั่นมันฝรั่งออกเป็นรูป Wedge ซึ่งที่จริงจะหั่นแบบอื่นก็ได้ แต่ผมว่ารูปนี้มันสวยดี ทำให้ยิ่งน่ากินขึ้น

นำมันฝรั่งที่ไร้เปลือกแล้วของเราไปคลุกกับน้ำมันมะกอกให้ทั่วๆ เหมือนกับจะเคลือบผิวสัมผัสทั้งหมดของชิ้นมันฝรั่งทุกชิ้น น้ำมันมะกอกที่เคลือบอยู่ที่ผิวนี่เองที่จะทำให้เมื่อนำไปอบต่อจะกรอบนอก ใกล้เคียงกับการเอาไปทอด จากนั้นโรยเกลือบางๆ ตามลงไป น้ำมันที่เกาะอยู่ที่ผิวจะช่วยทำให้เกลือติดอยู่กับตัวมันฝรั่ง

นำมันฝรั่งที่ได้ไปอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 225 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 20 นาที โดยในนาทีที่ 10 ให้เอาออกมากลับด้านสักครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทุกด้านสุกเท่าๆ กัน ที่นี้เตาอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คอยเฝ้าดูละกันว่ามันฝรั่งได้ที่แล้วหรือยัง ถ้าดูกรอบ หน้าตาน่ากิน เหมือนมันฝรั่งทอดแล้ว ก็สามารถเอาออกจากเตาก่อนเวลาก็ได้ หรือถ้าผ่านไป 20 นาทีแล้ว ยังไม่ได้ที่ ก็อาจจะอบต่อนานกว่านั้นก็ได้

จัดเรียงให้สวยงาม กินคู่กับ Ketchup หรือกินเปล่าๆ ก็ได้ ไม่ผิดกติกา

the End of the Pale Hour

ไม่ได้ดูหนังญี่ปุ่นมานาน จำได้ว่าช่วงหนึ่งเลิกดูไป เพราะรู้สึกว่าหนังญี่ปุ่นยุคนี้ชอบเดินเรื่องช้ามากๆ ในช่วงแรกๆ แล้วค่อยมาสนุก หรือหักมุมคนดูเอาตอนสิบนาทีสุดท้าย ซึ่งคนสูงอายุอย่างผม รอไม่ไหว บางทีก็หลับไปก่อน หลังๆ ก็เลย เลิกดูไป เพราะไม่อยากเข้าไปนั่งหลับ

วันก่อนรู้สึกอยากดูหนัง ก็เลยมีโอกาสได้กลับมาดูหนังญี่ปุ่นใหม่ ปรากฎว่าไม่ผิดหวังเลยจริงๆ เป็นหนังที่ดูง่าย สนุกตลอดเรื่อง ที่สำคัญผมดูแล้วค่อนข้างอินกับตัวละคร

the End of the Pale Hour เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น ที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน ทำให้ต้องเจอเรื่องแย่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก จะเรียกว่าเป็นแนว coming of age ก็ได้นะ แต่เป็นวัย first jobber

ไม่แปลกเลยที่ผมดูเรื่องนี้แล้วอิน เพราะผมชอบแนวนี้อยู่แล้ว แถมยังเป็นคนที่ชอบตั้งคำถามกับชีวิต ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ ที่เหมือนกับจะทำตามๆ กันไปในสังคม มันเป็นสิ่งที่ถูกหรือเปล่า ที่ชอบมากๆ เลย คือมันเป็นเรื่องทำนองนี้แต่สำหรับคนรุ่นมิลเลนเนียน ผมจำได้ว่ายังไม่เคยดูหนังแนวนี้ที่บริบทเป็นคนรุ่นมิลเลนเนียมมาก่อนเลย เหมือนได้ดู Reality Bites เวอร์ชั่น 2000 ชอบมาก

มีหลายฉากในเรื่องนี้ที่ชอบ ถ้าจะเล่าก็จำเป็นต้องสปอยกันหน่อย อ่านถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครอยากดูเรื่องนี้ ก็ขอให้หยุดอ่านก่อน ดูจบแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ…

ชอบตอนที่หัวหน้าของพระเอกกำชับว่าเวลาประทับตราต้องเอียงนิดๆ ด้วย พระเอกถามด้วยความงงว่าทำไมมันสำคัญขนาดนั้นเหรอ ตอนหลังหัวหน้าเฉลยว่ามันคือการแสดงความอ่อนน้อมต่อท่านประธาน มันสะท้อนวิธีคิดของคนรุ่นเก่าที่หมกมุ่นกับเรื่องสัมมาคาราวะอยู่ตลอดเวลา และเป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่สิ่งที่สะท้อนวิธีคิดที่ต่างกันของคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย

อีกฉากที่ชอบคือ ตอนที่พระเอกกับนางเอกเลิกกันไปแล้ว พระเอกกลับมาถามนางเอกว่า ถามจริงๆ นะจะตอบจริงๆ หรือว่าจะช่วยโกหกหน่อยก็ได้ เธอรู้สึกรักฉันบ้างมั้ย มันเป็นฉากที่ผมรู้สึกสะเทือนใจแทนพระเอกมาก หลังจากที่หนังทำให้เราเห็นชีวิตของเขาที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี คือต้องไปดูเอง ถึงจะเข้าใจ

ชอบมาก ให้ 9/10 ครับ