My New Investment Playbook

โลกยุคต่อไปไม่เหมือนเดิม คนแก่ลง ประชากรหดตัว ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น เสถียรภาพลดลง ไอเดียที่ว่า ถือหุ้นไว้ยาวๆ หุ้นมักจะขึ้นเสมอ ไม่พอ จำเป็นต้องทำอะไรที่มากกว่านั้น

ถ้าสังเกตจากญี่ปุ่นที่ประชากรหดตัวก่อนประเทศอื่นๆ ดัชนีไม่ไปไหนเป็น 20 ปี แต่บริษัทที่ยังโตได้ก็ยังมีอยู่ ส่วนใหญ่แล้วต้องเป็นบริษัทที่คิดใหม่ทำใหม่จริงๆ นั่นคือมีนวัตกรรมที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นทางเทคโนโลยี หรือโมเดลธุรกิจก็ได้ บริษัทเหล่านี้ล้วนเติบโตได้ต่อให้ตลาดไม่โตด้วยการกินส่วนแบ่งตลาดของผู้เล่นรายเก่าไปเรื่อยๆ ดังนั้น Disruption จึงเป็นเกมสำคัญที่จะสร้างการเติบโตในโลกยุคไม่โตได้

จงมองหาบริษัทที่จะสามารถเติบโตในระดับสูงกว่าตลาดได้เป็นช่วงระยะที่ยาวนานกว่าปกติ ซึ่งบริษัทเหล่านี้มักจะมี valuation สูง ดังนั้นอย่าบ้าของถูก และควรมี investment horizon ที่ยาวมากๆ อยู่กับความผันผวนระหว่างทางให้ได้ ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันทั้งสิ้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรียกว่า ปล่อยให้เหลือศูนย์ไปเลย ยังดีกว่าพยายามซื้อๆ ขายๆ ระหว่างทางเพื่อหลบความผันผวนหรือทำกำไรเพิ่ม อย่างไรก็ตาม หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีโอกาสโตสูงแต่เมื่อโตเต็มที่แล้วทำกำไรไม่ได้ เพราะธุรกิจไม่มี DCA เลย

การกระจายหุ้นเยอะๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการลงทุนกับนวัตกรรม ทำนายยากมาก และโอกาสที่จะเสียหายเยอะๆ กับตัวใดตัวหนึ่งก็มีสูง จึงจำเป็นต้อง diversify

รักษาสัดส่วน Equity ไว้ไม่ต่ำกว่า 75% ของพอร์ตตลอดเวลา การซื้อขายหุ้นในส่วนนี้เป็นการสลับตัวได้ โดยเปลี่ยนจากตัวที่จบ s-curve ไปยังตัวที่เริ่มต้น s-curve เป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องของกำไรรายไตรมาสที่ผันผวน  ถ้าอยากเล่นรอบจริงๆ ก็เล่นในส่วน 25% ที่เหลือก็พออย่าเกินนี้ หรือในกรณีที่จำเป็นจริงๆ ก็ค่อยใช้มาร์จิ้น

อย่าวอกแวกไปเล่นหุ้นวัฎจักร หุ้นกลับตัว หุ้นปั่น หรือหุ้นโตช้า ถ้าจะติดดอยขอติดดอยกับตัวที่เราเชื่อมั่นในอนาคตระยะยาวของมันยังดีกว่าติดหุ้นพวกนี้

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *