The 8 Show

ปฏิเสธไม่ได้ว่าซีรีส์เกาหลีที่สร้างจาก Webtoon เรื่องนี้ได้ลงเน็ตฟลิกซ์เพราะความสำเร็จของ Squid Game ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเกมโชว์สุดโหดเหมือนกัน และสร้างปรากฎการณ์ไปทั่วโลกเมื่อหลายปีก่อน

หนังพูดถึงความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งเป็นธีมที่มักปรากฎในหนังเกาหลีหลายต่อหลายเรื่องรวมทั้ง Parasite ด้วย และหลายๆ อย่างในซีรีส์นี้ยังทำให้นึกถึงซีรีส์จากสเปนอีกเรื่องหนึ่งที่ได้ลงเน็ตฟลิกซ์เมื่อนานมาแล้วด้วยเช่นกัน (แต่น่าเสียดายที่จำชื่อเรื่องไม่ได้)​

อย่างไรก็ตามส่วนตัว คิดว่าเรื่องนี้มีอะไรนอกเหนือจากสูตรสำเร็จเหล่านี้ที่ทำให้คุ้มค่าที่เราจะเสียเวลาดูจนจบเหมือนกัน โดยเฉพาะไอเดียในการเขียนบทที่ค่อนข้างมีความซับซ้อน ต้องคิดถึงส่วนได้ส่วนเสียของตัวละครทั้งแปดตัวอยู่ตลอดเวลา และเลือกว่าในแต่ละตอนจะดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครตัวไหนดี มีการวางกติกาของเกมไว้เป็นอย่างดี เพราะป้องกันไม่ให้เนื้อเรื่องเกิดจุดที่ไม่สมเหตุสมผล ถ้าดูไปคิดไปด้วยว่า คนเขียนบทเขาวางโครงเรื่องยังไง ก็เป็นอะไรที่น่าดูมาก สำหรับคนที่สนใจเรื่องการเขียนบทภาพยนตร์  ดูไปก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่รู้ทำไมหนังไทยถึงไม่ค่อยมีหนังแนวนี้เท่าไร ไม่รู้ว่าคนไทยเขียนบทอย่างนี้ไม่ได้ หรือว่าเขียนได้ แต่ทำขึ้นมาแล้ว คนไทยไม่นิยมดู ก็เลยไม่มีใครทำ

อีกธีมหนึ่งที่หนังพยายามพูดทางอ้อมคือการเสียดสีคนดูทุกวันนี้ที่ต้องการเสพดราม่าจากความฉิบหายของคนอื่นเสียจนทำให้เรากลายเป็นคนเลือดเย็นโดยไม่รู้ตัว

ซีรีส์ออกจะมีความรุนแรงมากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากทรมานคนหลายต่อหลายฉากที่ค่อนข้างโหด และยังเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของเสียงพากย์ภาษาไทยที่เต็มไปด้วยคำว่า “เหี้ย” โดยที่ไม่มีการเซ็นเซอร์หรือดูดเสียงแต่อย่างใด

 

Baby Reindeer


ชอบเรื่องนี้เพราะเป็นความตื่นเต้นรูปแบบใหม่ที่ไม่จำเจ สะท้อนความรู้สึกของคนเราเวลากลัวคนที่เป็น stalker ออกมาได้ดี ทำให้อยากดูตอนต่อไปเรื่อยๆ จนจบ ซึ่งมีซีรีส์จำนวนน้อยมากในปัจจุบันที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้

ดูเหมือนเรื่องนี้จะเขียนจากเรื่องจริง ซึ่งนักแสดงนำที่เป็นทั้งผู้กำกับด้วยเขียนบทเรื่องนี้จากเรื่องราวส่วนตัวของตัวเองที่ได้ประสบพบเจอมา แต่มีชั้นเชิงในการเขียนบทที่ทำให้ดูเหมือนเรื่องแต่งดีๆ เรื่องหนึ่งเลย แม้ว่าหลังจากที่ซีรีส์ออกฉายจะทำให้ผู้กำกับต้องโดนดราม่ากระหน่ำไปบ้าง เพราะในช่วงแรกๆ เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวจริงของ Martha ในเรื่องนี้ได้ เพราะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวให้เธอ ทำให้มีคนสงสัยว่ามันเป็นเรื่องจริงแน่หรือเปล่า ซึ่งนี่เป็นประเด็นสำคัญ เพราะบางคนอาจมองว่าเรื่องนี้เป็นการเขียนบทที่ bully ผู้หญิงอ้วนรึเปล่า ซึ่งถ้าเรื่องนี้เขียนจากเรื่องจริง ก็ว่าไม่ได้

อย่างไรก็ตาม นักสืบพันธ์ทิพย์ก็สามารถสืบค้นตัวจริงได้ในเวลาไม่นาน แต่ก็กลายมาเป็นปัญหาอีก เพราะ Martha ตัวจริงบอกว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะความจริงเธอไม่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดเหมือนอย่างในเรื่องเลย

ส่วนตัวมองว่าในแง่งานสร้างสรรค์ มันคือผลงานศิลปะชั้นดีเลย หนังไม่ได้โจมตี stalker ขนาดนั้น เพราะดูเป็นเรื่อยๆ จะรู้สึกว่าจริงๆแล้ว มันคือบันทึกการเดินทางของตัวละครหลักมากกว่า และเป็นบันทึกการเดินทางที่น่าสนใจมาก เพราะมันคือความลื่นไหลเรื่องเพศของตัวละครหลัก ที่ไม่ได้มีแค่ Martha เท่านั้นที่เข้ามาในชีวิตของเขา แต่ยังมีคนอื่นๆ อีก และเต็มไปด้วยความหลากหลายทางเพศด้วย เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำรวจเข้าไปได้ลึกถึงสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตใจลึกๆ ของตัวละครเองในเรื่องที่เกี่ยวกับเพศสภาพ

นับเป็นอีกเรื่องในช่วงนี้ที่น่าจะอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน

พี่น้องต่างขั้ว ครอบครัวจำเป็น

บางเวลาก็อยากดูซีรีส์ที่ไม่ต้องใช้ความคิดเยอะ ซีรีส์ที่ฟิวกู้ด ซึ่งละครสมัยก่อนจะมีให้ดูแบบนี้เยอะมาก แต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนซีรีส์จะจริงจังกันมากขึ้น พอมาเจอเรื่องนี้ก็เลยชอบ เพราะเป็นเรื่องที่ดูสบายๆ ดูแล้วมีความสุข ไม่ได้เหมือนจริงขนาดนั้น แต่ดูแล้วมีความสุข จะต้องการอะไรไปมากกว่านี้

เรื่องราวของเกาหยาง เด็กมัธยมจากเมืองเถี่ยหยวน ซึ่งอาศัยอยู่กับพ่อที่เป็นครูพละที่ไม่เอาไหน ส่วนแม่นั้นแยกทางกันไปนานแล้ว เพราะแม่เป็นคนทะเยอทะยานบ้างาน วันหนึ่งพ่อของเกาหยางก็พาเสี่ยวเหวิน นักเรียนจากเมืองอยู่มาอยู่ด้วย เพราะอยากอุปการะลูกชายของคนรักเก่า เกาหยางและเสี่ยวเหวินก็เลยต้องกลายมาเป็นพี่น้องจำเป็น แรกๆ ก็ไม่ถูกกัน (ตามสูตร) แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นพี่น้องที่รักกันมาก

ชอบนิสัยของเกาหยาง ที่ลึกๆ แล้วเป็นเด็กที่ขาดความรักจากแม่ ทำให้อยากมีเพื่อน อยากมีพี่น้อง แม้เป็นคนที่ไม่เอาไหนแต่ในแง่ความรักเพื่อนแล้ว ยากที่ใครจะไม่ใจอ่อน ถ้าเราได้มีเพื่อนแบบนี้ เราคงรักตายเลย

แม้ว่าจะเป็นซีรีส์ฟิวกู้ดดูเล่นๆ ขำๆ แต่การเขียนบทเรื่องนี้ต้องนับว่ามีความพิถีพิถันในรายละเอียดนะ อาหารบ้านครูพละจะมีแต่เมนูผักเป็นองค์ประกอบหลัก แต่พอเป็นอาหารบ้าน ผอ.โรงเรียน อาหารจะเน้นเนื้อสัตว์มากกว่า แสดงถึงฐานะที่ต่างกัน คาแรกเตอร์ของตัวละครก็ยากที่ใครจะไม่หลงรัก มีทั้งอารมณ์ขัน และความซาบซึ้ง เรียกได้ว่ามีครบรส เพลงประกอบก็เพราะ จะต้องการอะไรไปมากกว่านี้

ซีรีส์จีนเต็มไปด้วยแนวรัก RomCom นานๆ จะมีแนวอื่นเช่นแนวดราม่าครอบครัวโผล่มาสักเรื่อง เดาว่าเรื่องนี้เกิดจากความพยายามที่จะทำซีรีส์วายบ้าง แต่ตามกฎหมายจีนคือทำไม่ได้ ก็เลยทำออกมาในรูปแบบของมิตรภาพระหว่างพี่น้องแทน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ทำออกมาได้ดีเลย

ดูฟรีได้ทาง True ID

the End of the Pale Hour

ไม่ได้ดูหนังญี่ปุ่นมานาน จำได้ว่าช่วงหนึ่งเลิกดูไป เพราะรู้สึกว่าหนังญี่ปุ่นยุคนี้ชอบเดินเรื่องช้ามากๆ ในช่วงแรกๆ แล้วค่อยมาสนุก หรือหักมุมคนดูเอาตอนสิบนาทีสุดท้าย ซึ่งคนสูงอายุอย่างผม รอไม่ไหว บางทีก็หลับไปก่อน หลังๆ ก็เลย เลิกดูไป เพราะไม่อยากเข้าไปนั่งหลับ

วันก่อนรู้สึกอยากดูหนัง ก็เลยมีโอกาสได้กลับมาดูหนังญี่ปุ่นใหม่ ปรากฎว่าไม่ผิดหวังเลยจริงๆ เป็นหนังที่ดูง่าย สนุกตลอดเรื่อง ที่สำคัญผมดูแล้วค่อนข้างอินกับตัวละคร

the End of the Pale Hour เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่น ที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน ทำให้ต้องเจอเรื่องแย่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความรัก จะเรียกว่าเป็นแนว coming of age ก็ได้นะ แต่เป็นวัย first jobber

ไม่แปลกเลยที่ผมดูเรื่องนี้แล้วอิน เพราะผมชอบแนวนี้อยู่แล้ว แถมยังเป็นคนที่ชอบตั้งคำถามกับชีวิต ว่าสิ่งที่เราทำอยู่ ที่เหมือนกับจะทำตามๆ กันไปในสังคม มันเป็นสิ่งที่ถูกหรือเปล่า ที่ชอบมากๆ เลย คือมันเป็นเรื่องทำนองนี้แต่สำหรับคนรุ่นมิลเลนเนียน ผมจำได้ว่ายังไม่เคยดูหนังแนวนี้ที่บริบทเป็นคนรุ่นมิลเลนเนียมมาก่อนเลย เหมือนได้ดู Reality Bites เวอร์ชั่น 2000 ชอบมาก

มีหลายฉากในเรื่องนี้ที่ชอบ ถ้าจะเล่าก็จำเป็นต้องสปอยกันหน่อย อ่านถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครอยากดูเรื่องนี้ ก็ขอให้หยุดอ่านก่อน ดูจบแล้วค่อยกลับมาอ่านต่อ…

ชอบตอนที่หัวหน้าของพระเอกกำชับว่าเวลาประทับตราต้องเอียงนิดๆ ด้วย พระเอกถามด้วยความงงว่าทำไมมันสำคัญขนาดนั้นเหรอ ตอนหลังหัวหน้าเฉลยว่ามันคือการแสดงความอ่อนน้อมต่อท่านประธาน มันสะท้อนวิธีคิดของคนรุ่นเก่าที่หมกมุ่นกับเรื่องสัมมาคาราวะอยู่ตลอดเวลา และเป็นตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่สิ่งที่สะท้อนวิธีคิดที่ต่างกันของคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย

อีกฉากที่ชอบคือ ตอนที่พระเอกกับนางเอกเลิกกันไปแล้ว พระเอกกลับมาถามนางเอกว่า ถามจริงๆ นะจะตอบจริงๆ หรือว่าจะช่วยโกหกหน่อยก็ได้ เธอรู้สึกรักฉันบ้างมั้ย มันเป็นฉากที่ผมรู้สึกสะเทือนใจแทนพระเอกมาก หลังจากที่หนังทำให้เราเห็นชีวิตของเขาที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี คือต้องไปดูเอง ถึงจะเข้าใจ

ชอบมาก ให้ 9/10 ครับ