从来不 never
偶尔 occasionally, once in a while
很少 not oftens
有时候 sometimes
常常, 往往 oftens
总是,一直 always
永远 forever
สมุดจดไอเดียของฉัน
ไม่ได้แตะ wordpress มานาน พอต้องย้ายมา Azure ก็ทำเอาวุ่นวายไปหลายวันเลย แต่รวมๆ แล้วก็ต้องถือว่า Azure ใช้ง่ายกว่า Google Cloud และ AWS อยู่พอสมควร เพราะมี UI ที่ user friendly กว่า และ instance ต่างๆ ก็ pre-config มาได้ดี ทำให้ทำงานแล้วมีปัญหาน้อย
แต่กว่าจะติดตั้งเสร็จจนแก้ปัญหาทุกอย่างได้จริงๆ ก็ใช้เวลานานอยู่ เลยต้องขอบันทึกเคล็ดลับทั้งหมดเอาไว้สักหน่อย เผื่อต้องใช้อีก
ควรเซ็ต Permalinks เป็น numeric เพื่อให้ page ต่างๆ มีชื่อสั้นๆ ได้
chown www-data:www-data -R * find . -type d -exec chmod 755 {} \;
find . -type f -exec chmod 644 {} \;
chmod 444 .htaccess
chmod 444 wp-config.php
RewriteEngine On
RewriteRule .* - [E=HTTP_AUTHORIZATION:%{HTTP:Authorization}]
RewriteBase /
RewriteRule ^index.php$ - [L]
RewriteCond %{REQUEST_FILENAME} !-f
RewriteCond %{REQUEST_FILENAME} !-d
RewriteRule . /index.php [L]
define ('WP_HOME', 'https://coziplace.com');
define ('WP_SITEURL', 'https://coziplace.com');
define('FORCE_SSL_ADMIN', true);
if (strpos($_SERVER['HTTP_X_FORWARDED_PROTO'], 'https') !== false)
$_SERVER['HTTPS']='on';
(ต้องอยู่ก่อนบรรทัด ABSPATH ทั้งหลาย)
คำสั่งที่อาจมีประโยชน์ก็คือ
define('FS_METHOD', 'direct');
แต่ถ้าต้องการเขียนข้อมูลด้วย FTP ก็ต้องใช้คำสั่งนี้แทน
define('FS_METHOD','ftpext');
define('WP_DEBUG', false);
define('FTP_USER', 'XXXXXX');
define('FTP_PASS','XXXXXX');
define('FTP_HOST','localhost:21');
define('FTP_SSL', false);
อย่าลืมติดตั้ง vsftp และสร้าง ftpuser
sudo adduser ftpuser
(ควรสร้าง swapfile ให้ VM ด้วย สัก 2 เท่าของหน่วยความจำด้วยคำสั่ง swapon)
五年前 ห้าปีก่อน
过去五年 ห้าปีที่ผ่านมา
以前 เมื่อก่อน
最近 เมื่อเร็วๆ นี้ หมู่นี้
刚才เมื่อกี้นี้
很快 เร็ว ๆนี้ เช่น 我快上课了 = I will take class soon.
以后 วันหลัง
明天之前 by tomorrow
直到明天 until tomorrow
未来五年 ในช่วงห้าปีข้างหน้า
三年过 สามปีผ่านไป
五年后 อีกห้าปีข้างหน้า ห้าปีต่อมา
永远 ตลอดไป
=================
早 = early
火车今天早到 รถไฟมาถึงก่อนเวลา
我早忘了ฉันลืมไปนานแล้ว
จะเป็นไปได้มั้ยถ้าหากต่อไปนี้เราจะเป็นตัวอย่างของคนที่แสวงหาความสุขประจำวันมากกว่าความสำเร็จ
เป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์ง่ายๆ ที่มีความสุขแบบง่ายๆ กับเรื่องธรรมดาๆ ที่ง่ายๆ และไม่ได้จำเป็นต้องใช้เงินมากมายในการทำสิ่งเหล่านั้นเลย กิจกรรมที่เนิบช้า กิจกรรมที่สังเกตสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา กิจกรรมที่อยู่กับปัจจุบัน กิจกรรมที่ให้ความสุขแบบร่มเย็น
ทำชีวิตให้ง่ายๆ แค่นั้นเลย
โลกยุคต่อไปไม่เหมือนเดิม คนแก่ลง ประชากรหดตัว ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น เสถียรภาพลดลง ไอเดียที่ว่า ถือหุ้นไว้ยาวๆ หุ้นมักจะขึ้นเสมอ ไม่พอ จำเป็นต้องทำอะไรที่มากกว่านั้น
ถ้าสังเกตจากญี่ปุ่นที่ประชากรหดตัวก่อนประเทศอื่นๆ ดัชนีไม่ไปไหนเป็น 20 ปี แต่บริษัทที่ยังโตได้ก็ยังมีอยู่ ส่วนใหญ่แล้วต้องเป็นบริษัทที่คิดใหม่ทำใหม่จริงๆ นั่นคือมีนวัตกรรมที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นทางเทคโนโลยี หรือโมเดลธุรกิจก็ได้ บริษัทเหล่านี้ล้วนเติบโตได้ต่อให้ตลาดไม่โตด้วยการกินส่วนแบ่งตลาดของผู้เล่นรายเก่าไปเรื่อยๆ ดังนั้น Disruption จึงเป็นเกมสำคัญที่จะสร้างการเติบโตในโลกยุคไม่โตได้
จงมองหาบริษัทที่จะสามารถเติบโตในระดับสูงกว่าตลาดได้เป็นช่วงระยะที่ยาวนานกว่าปกติ ซึ่งบริษัทเหล่านี้มักจะมี valuation สูง ดังนั้นอย่าบ้าของถูก และควรมี investment horizon ที่ยาวมากๆ อยู่กับความผันผวนระหว่างทางให้ได้ ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันทั้งสิ้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เรียกว่า ปล่อยให้เหลือศูนย์ไปเลย ยังดีกว่าพยายามซื้อๆ ขายๆ ระหว่างทางเพื่อหลบความผันผวนหรือทำกำไรเพิ่ม อย่างไรก็ตาม หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีโอกาสโตสูงแต่เมื่อโตเต็มที่แล้วทำกำไรไม่ได้ เพราะธุรกิจไม่มี DCA เลย
การกระจายหุ้นเยอะๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการลงทุนกับนวัตกรรม ทำนายยากมาก และโอกาสที่จะเสียหายเยอะๆ กับตัวใดตัวหนึ่งก็มีสูง จึงจำเป็นต้อง diversify
รักษาสัดส่วน Equity ไว้ไม่ต่ำกว่า 75% ของพอร์ตตลอดเวลา การซื้อขายหุ้นในส่วนนี้เป็นการสลับตัวได้ โดยเปลี่ยนจากตัวที่จบ s-curve ไปยังตัวที่เริ่มต้น s-curve เป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องของกำไรรายไตรมาสที่ผันผวน ถ้าอยากเล่นรอบจริงๆ ก็เล่นในส่วน 25% ที่เหลือก็พออย่าเกินนี้ หรือในกรณีที่จำเป็นจริงๆ ก็ค่อยใช้มาร์จิ้น
อย่าวอกแวกไปเล่นหุ้นวัฎจักร หุ้นกลับตัว หุ้นปั่น หรือหุ้นโตช้า ถ้าจะติดดอยขอติดดอยกับตัวที่เราเชื่อมั่นในอนาคตระยะยาวของมันยังดีกว่าติดหุ้นพวกนี้
ผมเกิดมาในยุคที่โลกมีความมั่นคงแน่นอนสูง ผมจึงถูกสอนให้วางแผนทุกอย่างเพื่ออนาคตข้างหน้า อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ทำงานหนักและออมเงินตลอดชีวิตเพื่อวัยเกษียณจะได้สบาย
แต่โลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก โลกหมุนเร็ว ไม่มีอะไรจิรังยั่งยืน หาความแน่นอนแทบไม่ได้ ความเหลื่อมล้ำก็มหาศาล ไม่แปลกที่คนรุ่นใหม่จะไม่รู้สึกอินกับวิธีคิดแบบคนรุ่นผม ไม่รู้จะหวังน้ำบ่อหน้าขนาดนั้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เมื่อวันนั้นมาถึง สิ่งที่เราพยายามสร้างมาตลอดชีวิตมันจะยังพึ่งพาได้อยู่มั้ย บางทีความเหลื่อมล้ำที่ถ่างขึ้นก็ทำให้ต่อให้ไม่ใช้เงินเลยตลอดชีวิตก็ยังเข้าถึงเป้าหมายเหล่านั้นไม่ได้ด้วย ผมจึงไม่โทษที่คนรุ่นใหม่เลือกที่จะใช้เงินเพื่อหาความสุขในปัจจุบันก่อน มันคือหลักเศรษฐศาสตร์ธรรมดาที่เมื่อความไม่แน่นอนสูงขึ้น คนเราย่อมให้น้ำหนักกับปัจจุบันมากกว่า
ผมเองก็เริ่มที่จะเห็นด้วยกับวิธีคิดแบบนี้ มันสอดคล้องกับโลกยุคนี้มากกว่า แทนที่จะเราทนลำบากตลอดชีวิตเพื่อให้เรารวยแค่ตอนแก่ เราน่าจะเปลี่ยนมาทำให้ตัวเองมีความสุขสบายบ้างในตอนหนุ่มด้วย คือเฉลี่ยความสุขของเราออกไปตลอดชีวิต จริงๆ แล้วคนเราไม่จำเป็นต้องรวยก่อนก็มีความสุขก็ได้ ลองหันมามองหาความสุขแบบที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะมากซึ่งสามารถหาได้ตั้งแต่วันนี้เลย บางทีที่เราอยากรวยก็เป็นเพราะคนรอบข้างกดดันเรา ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของเรา
ชีวิตต่อไปของผมหลังจากนี้คงเป็นแนวสุขนิยมเป็นหลัก เลิกคิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จอะไรก่อนแล้วค่อยมีความสุข แต่มุ่งตรงไปที่การหาความสุขเป็นหลัก เน้นความสุขที่ไม่ต้องใช้เงินมาก ได้ทำสิ่งที่ต้วเองต้องการจริงๆ คนอื่นเขาจะอยากได้อะไรก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ต้องไปสนใจ น่าจะเป็นกลยุทธ์การดำเนินชีวิตที่ดีกว่าเดิม
ปีหน้าก็คงจะทำ OMAD ทุกวันพฤหัสต่อไป เพราะถ้าไม่ทำคงควบคุมน้ำหนักไว้ไม่ได้ (เจอบุฟเฟ่ต์บ่อย)
ส่วนวันอื่นๆ นั้น มื้อเช้า คือ โยเกิร์ต ถั่ว เบอรรี่ ไข่ลวก (ขอกลับมากินโยเกิร์ตอีกครั้ง ยอมแพ้เป้าหมายลดโลกร้อนไปก่อน)
มื้อกลางวันและเย็นต้องกินนอกบ้านเป็นหลัก เนื่องจากเหตุผลเรื่องความสะดวก ถ้าจะทำกินเอง จะเปลี่ยนมาทำแค่อาหารจำพวกสุกี้ (ชาบู นาเบะ ผัดหมาล่า) และสลัดต่างๆ เท่านั้น หรือไม่ก็มีแค่ผลไม้ติดตู้เย็นไว้ เช่น แอ็ปเปิ้ล กิมจิ อะโวกาโด เท่านั้น ถ้าจะทำอาหารคาวกินอย่างอื่นกินเอง คงต้องเป็นโอกาสพิเศษที่อยากลองทำจริงๆ เท่านั้น เพราะที่ผ่านมาพบว่าไม่มีเวลากินอาหารที่ตัวเองทำ ทำให้ยิ่งทำยิ่งอ้วน เพราะต้องกินให้หมด
ร้านประจำนอกบ้านจะเป็นร้านที่อยู่ทางผ่านเวลาเดินทาง อร่อย และราคาย่อมเยา เป็นหลัก อาทิ ร้านราดหน้าและส้มตำแถวคอนโด, ร้านอินเตอร์สยาม , หอยทอดชาวเล, บะหมี่สว่าง, ข้าวหมูแดงธานี, ข้าวมันไก่โกตา, Eat Am Are หรือไม่ก็ Yakiniku Like
น่าจะเป็นแผนที่มินิมัล และ Productive ที่สุดแล้ว
เวลาถูกถามว่า ถ้ามีเงินเยอะพอแล้ว คุณจะทำอะไรต่อไป คำตอบที่มีคนตอบมากที่สุดคือ เที่ยวรอบโลก
แต่การศึกษาพบว่า คนที่เกษียณเร็ว มักจะไปท่องเที่ยวแค่ประมาณ 3-4 ปีแรกเท่านั้น แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็จะอยู่เฉยๆ (ไปอีกนานมาก)
โดยส่วนตัว ผมพบว่า คนเราไม่ได้อยากบริโภคไปเรื่อยๆ จนตาย แต่เราอยากรู้สึกว่าเรามีค่าได้ และงานประจำก็ให้สิ่งนี้แก่เราโดยอัตโนมัติ พอไม่มีงาน กลายเป็นเราต้องกระเสือกกระสนหาคุณค่าให้ตัวเอง กลายเป็นความทุกข์อีกแบบหนึ่ง
ณ ตอนนี้ ถ้าถามผม เกษียณแล้ว ผมอยากทำอะไรที่สุด ผมคิดว่า ผมอยากทำงานต่อไป เพราะยังไงๆ เราก็ยังต้องการความรู้สึกว่าตัวเองมีค่าจากงาน เพียงแต่พอมีเงินแล้ว เราสามารถเลือกได้ว่าจะทำงานอะไร ดังนั้นการได้ทำงานที่ตัวเองรักไปตลอดชีวิตน่าจะเป็นการเกษียณที่มีความสุขที่สุด มากกว่าการไปเที่ยวรอบโลก
งานที่มีเป้าหมายที่จะต้องบรรลุให้ประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะได้มีแรงผลักนั้น ถ้าเป็นตอนหนุ่มๆ ก็น่าทำอยู่หรอก แต่พอแก่ตัวลง มันกลายเป็นกับดัก เพราะสุขภาพที่แย่ลง ข้อจำกัดที่มากขึ้น ทำให้เราไม่อาจลุยงานได้มากเหมือนแต่ก่อน ฉะนั้นงานหลังเกษียณควรเป็นงานที่ให้ความสุขกับเราได้แค่เพียงได้ทำ ไม่จำเป็นต้องบรรลุเป้าหมายอะไรที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า คล้ายกับสิทธารถะในวัยสี่สิบที่เลือกจะเป็นแค่คนขับเรือข้ามฝาก ทำอะไรซ้ำๆ กันทุกวัน ดังนั้นงานที่ผมอยากทำก็คงเป็นเพียงแค่งานอะไรก็ได้ ที่ทำให้เราได้อยู่กับสิ่งที่เรารักทุกวัน
ตอนนี้คิดว่าถ้าเราได้เป็นครูสอนกีต้าร์ หรือครูสอนภาษา หรือทำช่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี ก็น่าจะเป็นคำตอบแล้ว เหล่านี้เป็นงานเพราะมันสร้างรายได้ และพวกมันก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ผมอยากทำในวัยนี้ ปัญหาตอนนี้ก็คงเหลือแค่การ reinvent ตัวเองให้มีคุณสมบัติที่จะไปทำงานเหล่านี้ได้ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ก็จะลองดูสักตั้ง