My Routine 2023

  • Push up 100
  • Chinese Podcasts
  • Practise Guitar
  • To the Gym
  • Home Cooking
  • Study Time
  • Watch Series

Four pillars of my life

  1. Health – Food Science
  2. Tech Investing – Youtube Podcasts
  3. Mandarin – Italki
  4. Acoustic Guitar – Compose songs

ความสุขของฉัน

  • เข้าสปาหรือฟิตเนสทั้งวัน ลืมโลกภายนอกไปชั่วคราว เดินออกมาเหมือนเกิดใหม่
  • ได้ดูหนังหรือซีรีส์ฟิวกู้ดสักเรื่อง ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ยังอดคิดถึงมันไม่ได้
  • ได้เจอคนที่นิสัยดีๆ หรือคนที่มีบุคลิกที่น่าสนใจ หรือคนได้พูดคุยกับคนที่คุยเรื่องที่สนใจเหมือนๆ กัน แบกออกรส หรือเป็นคนที่มีวิถึชีวิตที่ต่างกับเรามากๆ เหมือนได้เปิดโลก
  • ได้เรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อน ทำให้รู้สึกเปิดกะลา
  • สายตากลับมาดีเหมือนเดิม อ่านหนังสือทั้งวันก็ไม่ปวดตา จะไปนั่งอ่านหนังสือในร้านกาแฟทุกวันเลย
  • เล่นดนตรีสักชิ้นได้ดีมากๆ เหมือนเป็นอวัยวะที่ 33
  • เขียนนิยายสักเล่มจบ ไม่ต้องดังก็ได้ แต่ขอให้มีเนื้อเรื่องที่เราชอบมันจริงๆ
  • เป็นเจ้าของร้านอาหารสักร้าน ที่มีอาหารที่เราชอบจริงๆ และคนอื่นๆ ก็ชอบมันมากๆ เป็นร้านที่เลี้ยงตัวเองได้ และเราไม่ต้องเฝ้ามันทั้งวัน

มานั่งเขียนอะไรแบบนี้ทำให้ค้นพบตัวเองเหมือนกันว่า เราไม่ได้ชอบวัตถุ แต่เราชอบประสบการณ์ดีๆ และทักษะดีๆ มากกว่า

ชีวิตคนเรามีหลายด้าน อยากลองมีชีวิตแบบอื่นบ้าง

ผมพบว่า ตอนนี้ไอดอลของผมหลายคน ล้วนเป็นคนที่เลือกอาชีพที่ตัวเองชอบเป็นหลัก และแทบจะไม่สนใจความคาดหวังของสังคมเลย คนหนึ่งเลือกที่จะทำ DIY และหาเงินผ่านช่องยูทิวบ์เรื่อง DIY, อีกคนหนึ่ง เรียนมาซะสูงเลย เลยสุดท้ายกลับไปเป็นครูสอนเด็กมัธยม เพราะชอบงานสอน แล้วก็เปิดร้านกีต้าร์ เพราะชอบกีต้าร์มาก ทั้งที่มันเป็นธุรกิจที่รอดยากมาก อีกคนก็เลือกที่จะไม่ทำงานประจำ แต่ทำช่องเกี่ยวกับภาษาจีน เพราะรักภาษาจีนมาก ยอมมีรายได้น้อยมาก เพราะอยากทำแต่สิ่งที่รักทุกวัน อีกคนก็เป็นเจ้าของแนวคิด หาเงินได้มากแค่พอจะไปกินชาบูชิเมื่อไหร่ที่อยากกินได้ก็พอ แล้วเวลาที่เหลือจากนั้นของทำสิ่งที่รักดีกว่า

ผมน่าจะเป็นคนที่ไม่กล้าทำอะไรแหกขนาดนั้น ก็เลยยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ระหว่างความต้องการของตัวเอง กับความคาดหวังของสังคม ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำให้รู้สึกเหมือนกันว่าอาจใช้ชีวิตไม่เต็มที่ แต่ในอีกด้านหนึ่ง การทำตามความคาดหวังของสังคม มันก็ให้ความมั่นคงในชีวิตมากกว่า ก็ยังดีที่พออายุมากขึ้น เริ่มมีเงินออมแล้ว (กินชาบูชิได้)​ ก็เลยหันมาหาความต้องการของตัวเองมากกว่าเดิม

ช่วงนี้มีความรู้สึกว่า ชีวิตช่วงที่ผ่านมาต้ังแต่เด็ก เราถูกปลูกฝังให้หาเงินเป็นหลัก และถูกวัดค่าจากความสามารถในการหารายได้ ในขณะที่ไม่ใช่ทุกคนในสังคมที่จะเป็นเหมือนเราไปหมด ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหารายได้มากขนาดนั้น แต่พวกเขามีอย่างอื่นที่ใช้ตีค่าของตัวเองมากกว่า และมุ่งไปสู่ความเป็นเลิศในเรื่องนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ทำเงินมากก็ตาม บางทีเราก็รู้สึกว่าคนเหล่านั้นเขาก็มีความสุขเหมือนกัน และเราเองก็ไม่จำเป็นต้องมองเรื่องรายได้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอไป ถ้าได้มีโอกาสได้ลองชีวิตแบบอื่นๆ บ้างก็น่าจะดี

ความคิดในหัวช่วงนี้ก็จะประมาณนี้ อาจจะดูเฟ้อเจ้อไปหน่อย ต้องขออภัยคนที่หลงเข้ามาอ่านด้วย